จากเหตุการณ์ในช่วง 2- 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมีข้อความที่ส่งต่อกันทางไลน์อย่างแพร่สะพัดว่า “ขออย่าให้พนักงานเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆในสมุทรสาคร เพราะเป็นจุดที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อโควิด -19” จนสร้างความหวาดวิตกให้กับผู้ที่ได้รับข้อความ แล้วก็นำมาสู่ความสับสนว่าสถานที่ต่างๆ นั้น ห้ามไปจริงหรือไม่
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สถานที่ต่างๆ ที่หลายคนได้เห็นดังที่ปรากฎในข้อความนั้น ถ้าคนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ของโควิด-19 สมุทรสาครอย่างต่อเนื่อง ก็จะทราบดีว่า มันคือสถานที่ที่ปรากฏในไทม์ไลน์ของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ของสมุทรสาคร ที่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ที่เอามาพิมพ์ และนอกจากนั้นยังเพิ่มเติมเนื้อหาเพิ่มบางสถานที่เข้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่ปรากฏในไทม์ไลน์ด้วยซ้ำ ถือว่ามีความผิด รวมทั้งได้ส่งต่อกันไปในวงกว้าง ซึ่งความจริงแล้ว สถานที่เหล่านั้นน่าจะมีความปลอดภัยมากกว่าสถานที่อื่นๆทั่วไป เพราะเมื่อเป็นสถานที่ที่ผู้ติดเชื้อเคยเดินทางไปหรืออาศัยอยู่ ก็จะมีการควบคุมสถานที่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ทั้งการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ มีการสังเกตกันตามระบบ แต่ในทางกลับกันสถานที่อื่นๆที่ไม่ปรากฏในไทม์ไลน์ตอนนี้น่าจะอันตรายมากว่าด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าจะมีเชื้อโรคแพร่กระจายอยู่หรือไม่ หรือจะมีผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงอยู่ตรงนั้นหรือไม่ จะรู้และปรากฏในไทม์ไลน์ก็เมื่อยืนยันผู้ติดเชื้อแล้ว จึงเป็นที่มาของคำว่า “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เพราะสถานที่ต่างๆ ตอนนี้ต้องคิดว่ามันอันตรายทั้งหมด อีกทั้งสิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ว่าเคยมีผู้ติดเชื้อไปตรงนั้นหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับการเฝ้าระวังตนเองไม่ให้เชื้อเข้ามาสู่ร่างกายเราได้ ด้วยวิธีการสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกมาจากบ้าน
ส่วนทางด้านนายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไทม์ไลน์ที่ได้มีการเผยแพร่นั้น มีประโยชน์เพื่อให้คนทั่วไปได้สังเกตตัวเอง ว่าสถานที่นั้น ช่วงเวลานั้น ตนเองได้ไปมาหรือไม่ ซึ่งจะมีผลก็ต่อเมื่อตัวเราอยู่ตรงนั้นพร้อมกับผู้ป่วย แต่ในช่วงเวลาหลังจากนั้น สถานที่ต่างๆสามารถเดินทางไปได้ในกรณีที่จำเป็นต้องไป แต่ก็ต้องไปพร้อมกับมาตรการที่ต้องป้องกันตนเอง เพราะอาจมีเชื้อใหม่จากคนใหม่เพิ่มเติมเข้ามา อย่างเช่นที่โรงพยาบาลต่างๆ ที่มีผู้ป่วยโควิด-19 รักษาตัวอยู่ ผู้ใช้บริการอื่นๆก็ยังไปได้ แต่จะต้องป้องกันตนเองด้วย ไม่ใช่ป้องกันว่าจะรับเชื้อจากผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ เพราะผู้ป่วยกลุ่มนั้นถูกจัดแยกอย่างเป็นสัดเป็นส่วน มีระบบดูแลเฝ้าระวังทั้งผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่อย่างเข้มข้น ไม่มีการแพร่เชื้อออกมาสู่ภายนอกอย่างแน่นอน แต่การระวังในที่นี้ คือ ให้ทุกคนระวังตัวเองในทุกที่ ทุกเวลา โดยเริ่มที่การเฝ้าระวังตนเองไม่ให้เป็นผู้รับเชื้อและไม่ให้เป็นผู้แพร่เชื้อไปสู่คนอื่น