By เหล่ากาชาดสมุทรสาคร ออกเรือให้บริการตรวจรักษาโรคลูกเรือประมงและชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำท่าจีน ภายใต้โครงการเรือกาชาดจังหวัดสมุทรสาคร “รักษนาวา” เฉลิมพระเกียรติสภานายิกาสภากาชาดไทย ประจำปี 2563
วันที่ 9 กันยายน 2563 เวลา 09.00 น. นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายเอกพร จุ้ยสำราญ ปลัดจังหวัด นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร สมาชิกเหล่ากาชาด คณะแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข ร่วมลงเรือรักษนาวา เรือเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร และยังเป็นเรือกาชาดลำแรกของประเทศไทย ณ บริเวณริมเขื่อนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร โดยได้ออกเรือไปให้บริการตรวจสุขภาพ พร้อมให้ความรู้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น กับคนประจำเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ ลูกเรือประมงทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว ตลอดจนประชาชนที่ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน
นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี เปิดเผยว่า การออกให้บริการตรวจรักษาโรคด้วยเรือรักษนาวา เรือเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสภานายิกาสภากาชาดไทย ประจำปี 2563 โดยตั้งเป้าการตรวจรักษาคนประจำเรือและแรงงานที่อยู่บนเรือ รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำท่าจีน จำนวน 215 คน ซึ่งในส่วนของการตรวจรักษาโรคประชาชนที่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน คณะผู้ปฏิบัติงานเรือกาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดตั้งศูนย์ตรวจรักษาขึ้นที่บริเวณท่าเทียบเรือหน้าวัดศรีสุธาราม (วัดกำพร้า) ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งหลังจากนี้ยังจะได้จัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 23 กันยายน 2563 ณ ท่าน้ำวัดท่ากระบือ ต.บางยาง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
สำหรับเรือรักษนาวา เรือกาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดทำขึ้นเป็นเรือกาชาดลำแรกของประเทศไทย เนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานชื่อเรือ “รักษนาวา” นำออกให้บริการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร รวมทั้งผู้ที่ทำงานอยู่ในเรือประมง หรือเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ ที่มาจอดเรือบริเวณปากอ่าวแม่น้ำท่าจีน , เพื่อส่งเสริมสุขภาพและออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพอนามัยในกลุ่มลูกเรือประมง และประชาชนทั่วไป ตลอดจนเป็นการส่งเสริมชีวิตแรงงานประมงที่อยู่บนเรือประมงและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่น่านน้ำแก่ประชาชนที่ปลูกบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนอีกด้วย
