พลเอก ประวิตร” ลงพื้นที่สมุทรสาคร ติดตามสถานการณ์น้ำ ปัญหาคุณภาพน้ำ และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน
วันที่ 13 มกราคม 66 เวลา 14.20 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ ปัญหาคุณภาพน้ำ และความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครสมุทรสาคร ได้แก่ การก่อสร้างกำแพงป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำท่าจีน ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และโครงการประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองอ้อมตัน ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พร้อมพบปะพี่น้องประชาชน โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมคณะ นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่และให้ข้อมูล
สำหรับ การลงพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะในครั้งนี้ ได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองอ้อมตัน และการก่อสร้างกำแพงป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำท่าจีน บริเวณ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งบริเวณลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง ยังคงประสบปัญหาด้านน้ำในหลายๆ ด้าน ทั้งน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ชุมชน โรงเรียน โรงงานอุตสาหกรรม เมื่อระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนมีระดับสูงขึ้น น้ำเค็มรุกล้ำในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง รวมถึงปัญหาที่สำคัญ คือ น้ำเน่าเสีย จึงได้สั่งการให้ สทนช. ประสานและบูรณาการขับเคลื่อนแผนหลักการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำในระยะเร่งด่วนและในระยะยาว ทั้งในเรื่องความต้องการใช้น้ำ ปัญหาคุณภาพน้ำและการป้องกันอุทกภัย และให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองอ้อมตัน ให้แล้วเสร็จในปี 66 และวางแผนดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในมิติต่างๆ ให้มีความยั่งยืนต่อไป
ด้าน เลขาธิการ สทนช. กล่าวถึงความก้าวหน้าของจังหวัดสมุทรสาคร ในปี 61–65 มีผลการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการ จำนวน 348 แห่ง/บ่อ พื้นที่รับประโยชน์ 42,748 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 50,361 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับการป้องกัน 6,343 ไร่ ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งระยะทาง 7,288 เมตร และในแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 66 มีจำนวน 27 โครงการ เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว จะสามารถเพิ่มความจุกักเก็บ 1.2 แสน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 3,269 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 7,676 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับการป้องกัน 12,225 ไร่”เลขาธิการ สทนช.กล่าว