ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ชี้มาตรการเข้มสวมหน้ากากอนามัย ตำรวจจับส่งปรับศาล

ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ชี้มาตรการเข้มสวมหน้ากากอนามัย ตำรวจจับส่งปรับศาล

จากมาตรการเข้มของจังหวัดสมุทรสาครในเรื่องของการสวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน ซึ่งมีผลบังคับใช้วันนี้ (3 เมษายน) เป็นวันแรกนั้น พบว่าบรรยากาศโดยรวมของพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความใส่ใจในมาตรการดังกล่าว และมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน เพราะเกรงว่าถ้าหากไม่สวมใส่แล้วจะถูกจับปรับเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท
ขณะที่ในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครนั้น นอกจากจะมีการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรผู้ที่กระทำผิดฝ่าฝืนกฎจราจรแล้ว ก็ยังมีการบูรณาการเรื่องของมาตรการสวมหน้ากากอนามัยเข้ามาด้วย โดยหากพบว่าบุคคลใดที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยนั้น ก็จะเรียกตักเตือนก่อนและให้สวมใส่หน้ากากอนามัยให้เป็นที่เรียบร้อยขณะขับยานพาหนะ ส่วนผู้ใดที่ไม่มีหน้ากากอนามัยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร ก็ได้เตรียมหน้ากากอนามัยมาแจกด้วย
ด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวว่า ในส่วนของมาตรการสวมหน้ากากอนามัย จะเป็นหน้ากากแบบผ้า หรือแบบแพทย์ ตั้งแต่ออกจากบ้าน100 เปอร์เซ็นต์ทั่วทั้งจังหวัดนั้น เป็นมาตรการที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักในการป้องกันตนเองไม่ให้เชื้อโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย โดยไม่ได้มุ่งหวังในเงินค่าปรับที่มีโทษสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาทแต่อย่างใดทั้งสิ้น ส่วนอำนาจในการจับ-ปรับ ก็ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เรื่องของการจับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการและทำเรื่องส่งไปให้ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ขณะที่ส่วนที่ 2 การปรับเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลจังหวัดสมุทรสาคร แล้วแต่จะพิจารณาโทษว่าต้องปรับเท่าไหร่แต่สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งหากถูกดำเนินคดีแล้วจะเสียทั้งเงินและเวลามากกว่าค่าหน้ากากอนามัยอีก
ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนดำเนินการตามมาตรการของจังหวัดสมุทรสาครอย่างเคร่งครัด คือ ให้ประชาชนทุกคนภายในจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบัติงานในร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ เป็นต้น และ ให้สถานที่ที่มีประชาชนไปใช้บริการ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ เป็นต้น มีมาตรการลดการแพร่เชื้อ โดยกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หากประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า สามารถปฏิเสธการให้บริการ รวมทั้งต้องมีจุดคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าอาคาร การวางแอลกอฮอล์เจลไว้ให้บริการ เว้นระยะห่างตามมาตรการทางสังคม (Social Distancing) ซึ่งในกรณีผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งมีบทกำหนดโทษตามนัยมาตรา 51 ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ทั้งนี้ก็เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงพบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ประกอบกับยังมีประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั่นเอง

Related Articles