ไชยา รมช.เกษตรฯ พร้อม DSI ขยายผลจากการจับกุม 161 ตู้ที่แหลมฉบัง เข้าตรวจห้องเย็นที่ จ.สมุทรสาคร เบื้องต้นพบเป็นเครื่องในหมู 75 ตัน
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.30 น. นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร พาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ ตำรวจ ทหาร ลงพื้นที่ตรวจห้องเย็นแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร ที่เป็นบริษัทรับฝากสินค้า รับฟรีสสินค้า อาหารทะเลและแปรรูปรายใหญ่ซึ่ง DSI ขยายผลมาจากการจับกุม 161 ตู้ที่ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง ที่เป็นของกลางผิดกฎหมายนำเข้าล็อตแรก และขณะอยู่ในกระบวนทำลาย เป็นคดีที่ DSI กำลังดำเนินการ การเข้าตรวจค้นห้องเย็นในวันนี้เป็นการขยายผลของคดี DSI ขณะเดียวกันในการตรวจค้นของ DSI นั้น
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้มีการสั่งการให้กรมปศุสัตว์เข้าร่วมด้วยเนื่องจากมีการตรวจพบสินค้าที่นอกเหนือจากในส่วนที่เป็นคดี ทั้งนี้ก็ได้ให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการในการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ส่วนที่เหลือในการตรวจค้น มีการนำเข้า มีการสำแดงจากต้นทางมาจากไหนและอยู่ในขั้นตอนอะไร ส่วนการตรวจสอบในครั้งนี้ ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการห้องเย็นด้วย เพราะทางผู้ประกอบการเป็นเพียงผู้ให้บริการกับทุกบริษัท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางห้องเย็นเองก็ต้องมีเอกสารมาแสดงให้ชัดเจน ซึ่งก็ให้เวลาในการมาแสดงหลักฐานว่าบริษัทที่นำเข้ามาและนำมาฝากที่นี่นำมาโดยถูกต้องมีเอกสารการนำเข้าถูกต้องอย่างใด
ในเบื้องต้นพบ เนื้อหมู เนื้อกระบือหรือเนื้อวัว มาจากประเทศที่อนุญาตให้นำเข้าส่วนหนึ่ง เช่น ประเทศออสเตเรีย และก็มีส่วนจากประเทศอื่น ซึ่งก็ต้องให้เวลาผู้ที่นำเข้าจะต้องนำเอกสารมาแสดงให้กับทางเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ในส่วนของ DSI ก็ดำเนินการตามผลคดีที่มีการขยายผลมาจาก161 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนความเชื่อมโยงระหว่างสินค้าที่นำมาฝากแช่แข็งในห้องเย็นแห่งนี้กับสินค้าที่ท่าเทียบเรือแหลมฉบังนั้น ก็เนื่องจากในส่วนของเครื่องในหมูที่พบมีส่วนหนึ่งที่คล้ายกันกับ 161 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จึงนำมาสู่การขยายผลจากผลของคดี กระทั่งมาเจอของกลางที่นี่อีกประมาณ 75,000 กิโลกรัม โดยจะเป็นเครื่องในสัตว์ เครื่องในหมู ตับหมู
นอกจากในเรื่องของการตรวจสอบย้อนกลับแล้ว หากไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้ ของกลางที่ตรวจพบทั้งหมดนั้นจะต้องถูกทำลายทิ้งตามกระบวนการขั้นตอน ซึ่งแม้จะมีการพยายามพูดคุยหารือกันถึงแนวทางที่จะไม่ต้องทำลายของกลางทั้งหมด แต่ในทางปฏิบัติที่เป็นจริงนั้นไม่สามารถทำได้ ของกลางทั้งหมดที่นับเป็นของผิดกฎหมายจะต้องถูกทำลายทิ้ง แต่จะด้วยวิธีการใดนั้นก็ยังคงหารือกัน เพราะหากมีปริมาณที่มากเกินกว่าจะฝังกลบในพื้นที่ห่างไกลชุมชนได้นั้น ก็อาจจะต้องขอความร่วมมือจากสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมแห่งใดแห่งหนึ่ง ให้ช่วยนำสินค้าผิดกฎหมายทั้งหมดไปทำลายด้วยกรรมวิธีทางกระบวนการอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันมิให้สินค้าเหล่านี้หลุดเข้ามาในตลาด จะส่งผลกระทบต่อกลไกตลาดและเศรษฐกิจของประเทศ อีกด้วย