ผู้ว่าสมุทรสาคร สั่งการป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร ขับเคลื่อนนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล

ผู้ว่าสมุทรสาคร สั่งการป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร ขับเคลื่อนนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล

ผู้ว่าสมุทรสาคร สั่งการป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร ขับเคลื่อนนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล

ภายใต้การอำนวยการของ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายชัยวัฒน์ ตุนทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร และ นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอบ้านแพ้วได้ สั่งการให้ นายปฐม เอมโอษฐ์ ป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนกองร้อยบังคับการและบริการ และชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอบ้านแพ้ว ดำเนินการและขับเคลื่อนนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยดำเนินการเข้าตรวจสอบบริเวณตลาดนัด ชื่อร้าน Honeys house ตำบลหลักสาม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร

 

รายละเอียดดังนี้  เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ จากประชาชนว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า บริเวณบริเวณร้านสะดวกซื้อบริเวณตลาดนัดชื่อร้าน Honeys house ตำบลหลักสาม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.41 น. ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร ตามคำสั่งที่ 3883/2566 เรื่อง แต่งตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว พบว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริงซึ่งร้านที่ได้รับการร้องเรียน ตั้งอยู่ ณ บริเวณร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด ชื่อร้าน Honeys house (ติดกับร้านนัดโมบาย) ตำบลหลักสาม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร จากการเข้าดำเนินการของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร พบว่าร้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นอาคารชุดประตูทางเข้าเป็นกระจกปิดด้วยสติ๊กเกอร์สีขาวทึบ เมื่อสายลับเปิดประตูเข้าไปภายในร้านพบบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์วางอยู่ในตู้กระจกใสตั้งอยู่บริเวณกลางร้านและพบผู้หญิง จำนวน 1 ราย ยืนอยู่หลังตู้กระจกภายในร้าน สายลับจึงทำการขอซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากผู้หญิงคนดังกล่าวเมื่อสายลับได้บุหรี่ไฟฟ้าและชำระเงิน (โดยใช้ธนบัตรฉบับละ 500 บาท ที่เจ้าหน้าที่ได้ทำรายงานประจำวันไว้แล้วทำการล่อซื้อ) แล้ว จึงได้แจ้งเจ้าพนักงานชุดจับกุมทราบ เมื่อพนักงานชุดจับกุมทราบว่ามีการจำหน่ายฯจริง จึงได้เข้าตรวจสอบขณะเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าว พบ นางสาวเสาวลักษณ์ (ทราบชื่อภายหลังการจับกุม) ยืนอยู่หลังตู้กระจกภายในร้าน เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน นางสาวเสาวลักษณ์ แสดงตนเป็นพนักงานขายประจำร้าน ซึ่งให้การยอมรับว่าที่ร้านมีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าจริง ซึ่งตนเป็นผู้จำหน่ายเจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ นางสาวเสาวลักษณ์ พึงพอใจ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นภายในร้าน หลังจากการตรวจค้นพบธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้ออยู่ที่ช่องเก็บของใต้ตู้โชว์บุหรี่ไฟฟ้าเจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้ตรวจยึดของกลาง และแจ้งข้อกล่าวหา “ซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา ๒๔๒ และมาตรา 246 วรรคแรก ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๗” และ”ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” และแจ้งสิทธิตามกฎหมายในเบื้องต้นให้ นางสาวเสาวลักษณ์ (ผู้ถูกจับกุม) ทราบและเข้าใจดีแล้ว

การดำเนินการจับกุมและตรวจพบของกลาง 6 รายการ

1.หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบเปลี่ยน จำนวน 1560 ชิ้น

2.บุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง 667 ชิ้น

3.บุหรีไฟฟ้าแบบ pot 69 ชิ้น

4.คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า 340 ชิ้น

5.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบเติม 595 ขวด

6.สมุดบัญชีรายการสิ่งของ 1 เล่ม

มูลค่าของกลางทั้งสิ้น ประมาณ 757,710 บาท

ทั้งนี้ นางสาวเสาวลักษณ์ (ผู้ถูกจับกุม) ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าพนักงานชุดจับกุม จึงรวบรวม ของกลางทั้งหมด พร้อมทั้งควบคุมตัว นางสาวเสาวลักษณ์ (ผู้ถูกจับกุม) มาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านแพ้วเพื่อดำเนินคดีต่อไป

Related Articles