สมุทรสาคร ชาวไทยเชื้อสายรามัญ ร่วมสืบสานประเพณี ตักบาตรน้ำผึ้ง

สมุทรสาคร ชาวไทยเชื้อสายรามัญ ร่วมสืบสานประเพณี ตักบาตรน้ำผึ้ง

สมุทรสาคร ชาวไทยเชื้อสายรามัญ ร่วมสืบสานประเพณี ตักบาตรน้ำผึ้ง

เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 17 กันยายน 2567 ที่วัดทองธรรมิการาม หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสืบสานประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง และพิธีเปิดนิทรรศการประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง ประจำปี 2567 โดยมีนายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร นายบุรินทร์ สหัสธารากุล ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองสมุทรสาคร นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร เขต1 นายเรืองฤทธิ์ อุบลไทร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย นายประสิทธิ์ จุ่นขจร สมาชิกสภา อบจ.สมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ พร้อมคณะ ผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ อบต.ท่าทราย และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ชาวไทยเชื้อสายรามัญในพื้นที่ตำบลท่าทรายและใกล้เคียงเข้าร่วม

นายเรืองฤทธิ์ อุบลไทร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย กล่าวว่าประเพณีตักบาตรน้ำผึ้งเป็นประเพณีตั้งเดิมอย่างหนึ่งของชาวไทยรามัญ จะกระทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี ซึ่งในปีนี้วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567 การตักบาตรน้ำผึ้งนั้น เชื่อกันว่ามีอานิสงส์มาก เพราะพระสงฆ์จะเก็บน้ำผึ้งไว้เพื่อใช้เป็นยาในคราวจำเป็น เนื่องจากเป็นส่วนผสมของยาโบราณที่สำคัญ และมีพุทธานุญาตให้พระสงฆ์ฉันได้ในยามวิกาล มนุษย์จึงถือว่าน้ำผึ้งเป็นทิพย์โอสถที่สามารถ นำมาบริโภคบำรุงชีวิตให้แข็งแรงและยืดยาวโดยปราศจากโรคภัย เพราะน้ำผึ้งเป็นสิ่งมีคุณค่า มาแต่โบราณ ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้งจึงถือกำเนิดขึ้นมาเป็นตำนานและความเชื่อของชาวไทยรามัญ ดำรงรักษาสืบทอดปฏิบัติต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ในการจัดงานในครั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย ได้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าทรายและตำบลใกล้เคียงได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีตักบาตรน้ำผึ้งของชาวไทยเชื้อสายรามัญในท้องถิ่นและตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีและวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น รวมทั้งเพื่อเป็นการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและเผยแพร่ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้งของชาวไทยเชื้อสายรามัญในพื้นที่ตำบลท่าทราย นอกจากนี้ประชาชนในชุมชนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นการสร้างสัมพันธภาพไมตรีที่ดีให้แก่กัน ก่อเกิดความรักความสามัคคีปรองดองในหมู่คณะในชุมชนอีกด้วย

Related Articles