เปิดเมนู “ต้มยำสมุนไพรปลากะพง” ส่งตรงจากครัวกาชาดสู่ผู้ติดเชื้อ HI

เปิดเมนู “ต้มยำสมุนไพรปลากะพง” ส่งตรงจากครัวกาชาดสู่ผู้ติดเชื้อ HI

เปิดเมนู “ต้มยำสมุนไพรปลากะพง” ส่งตรงจากครัวกาชาดสู่ผู้ติดเชื้อ HI

เมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ที่อาคารนิวนามทอง สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร นำเจ้าหน้าที่ของเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ที่ผ่านการฉีดวัคซีนมาแล้ว 2 เข็ม ผ่านการตรวจหาเชื้อซ้ำก่อนปรุงอาหาร หรือไม่อยู่กลุ่มเสี่ยง มาร่วมกันเปิดครัวสภากาชาดไทย จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อปรุงอาหารสุกใหม่ และมีคุณประโยชน์ทางสมุนไพร ส่งไปมอบให้กับผู้ติดเชื้อโควิด 19 กับกลุ่มผู้เสี่ยงสูง ที่แยกกักอยู่ที่บ้าน ( Home Isolation – HI ) ตามที่แต่ละแห่งได้มีการร้องขอความช่วยเหลือมายังสำนักงานกาชาดจังหวัดสมุทรสาคร โดยเมนูอาหารที่ทางนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดปรุงเป็น “ต้มยำสมุนไพรปลากะพง” พร้อมไข่ต้ม และข้าวเปล่า

นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร บอกว่า ครัวกาชาดจังหวัดสมุทรสาครนี้ เบื้องต้นได้จัดทำขึ้นเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณเกือบ 4,000 กล่อง โดยจะปรุงอาหารสุกใหม่วันละ 1 มื้อตอนเช้า ซึ่งอาหารที่จัดปรุงก็จะเหมือนกันทุกวันคือ “ต้มยำสมุนไพรปลากะพง” เพราะเป็นเมนูที่มีสมุนไพรไทยหลากหลายชนิด อันจะเป็นประโยชน์ในการต่อต้านและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ส่วนปลา กับ ไข่ต้ม ก็มีคุณประโยชน์ทางด้านสารอาหารโปรตีน ที่มีความสำคัญต่อผู้ติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าผู้ที่มีสุขภาพร่างกายปกติทั่วไป โดยหลังจากที่จัดปรุงและใส่บรรจุภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะนำไปมอบให้กับพื้นที่ๆ มีการร้องขอมา หรือบางทีก็จะมีตัวแทนมารับไป เพื่อมอบให้กับผู้ที่อยู่ในระบบ Home Isolation – HI ทั้งผู้ติดเชื้อโควิด 19 และกลุ่มผู้เสี่ยงสูง ที่แยกกักอยู่ที่บ้าน

ขณะเดียวกันในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานฯ นั้น ล่าสุดก็ได้มีการออกคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร เรื่อง ให้ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID 19 ) แยกกักตัว ณ สถานที่กำหนด ประกอบด้วย 1.ให้ผู้ที่ได้รับการตรวจด้วยวิธี RT-PCR หรือวิธี Antigen Test Kit (ATK) แล้วผลเป็นบวก ซึ่งถือว่าเป็นผู้ติดเชื้อ แยกกักในสถานที่ที่กำหนด ดังนี้ (1) กรณีพนักงานของสถานประกอบการ ให้แยกกัก ณ โรงพยาบาลสนามสำหรับแยกกัก ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในโรงงานหรือสถานประกอบการ (Factory Accommodation Isolation : FAI) หรือสถานที่ที่แพทย์ผู้รับการรักษากำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดสมุทรสาคร และให้มีการควบคุม ดูแล พนักงานงานของสถานประกอบการให้แยกกักจนครบกำหนด กับ (2) กรณีประชาชนทั่วไป ให้แยกกัก ณ ที่พำนักอาศัยหรือโรงพยาบาลสนามในชุมชน ตามที่แพทย์ผู้รับการรักษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร แล้วแต่กรณี กำหนด โดยพิจารณาจากแนวทางการแยกกักที่บ้าน (Home Isolation) และการแยกกักในชุมชน (Community Isolation) ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด,2.ห้ามผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่แยกกัก ออกจากสถานที่แยกกักตามข้อ 1 เว้นแต่ครบกำหนดการแยกกัก หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ,3.ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ออกคำสั่งให้ผู้ที่มีผลเป็นบวกจากการตรวจด้วยวิธี RT-PCR หรือวิธี Antigen Test Kit (ATK) เข้ากักตัวในสถานที่ที่กำหนดตามข้อ 1 ทุกราย ทั้งนี้หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 (1) และ (2) มีโทษตามนัยมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ 2 มีโทษตามนัยมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

Related Articles