เดอะสเฟีย เพชรเกษม คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ โซนอ้อมน้อย สมุทรสาคร พร้อมเปิดเร็วๆ นี้

เดอะสเฟีย เพชรเกษม คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ โซนอ้อมน้อย สมุทรสาคร พร้อมเปิดเร็วๆ นี้

เดอะสเฟีย เพชรเกษม คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ โซนอ้อมน้อย สมุทรสาคร พร้อมเปิดเร็วๆ นี้

บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกผ้าหนังเทียมรายใหญ่ของเมืองไทยต่อยอดความสำเร็จธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ ในทำเลพญาไท ศาลายา และโซนสมุทรสาคร พร้อมงัดแลนด์แบงก์ในมือพัฒนาเป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่เดอะสเฟีย เพชรเกษม เส้นเพชรเกษม – อ้อมน้อย มุ่งเติมเต็มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของผู้ที่อาศัย และผู้ที่ทำงานอยู่ในย่านเพชรเกษม

นางสาวอัญรินทร์ ชลสายพันธ์ ผู้จัดการ บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกผ้าหนังเทียมรายใหญ่ของเมืองไทย และผู้พัฒนาโครงการ เดอะสเฟียเพชรเกษม(The Spheres Phetkasem) เปิดเผยว่า ปัจจุบันทำเลเพชรเกษม – อ้อมน้อย เป็นที่น่าจับตามองและน่าลงทุน เนื่องจากการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง – หลักสอง และบางซื่อ-ท่าพระ ได้เปิดให้บริการ ทำให้สร้างความสะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่ย่านฝั่งธนบุรีและต่อเนื่องไปถึงพื้นที่ชานเมืองอย่างสมุทรสาครและนครปฐม อีกทั้งในอนาคตก็จะมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายจากสถานีหลักสอง (บางแค) – พุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งจะมีค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเงินลงทุน 3,920 ล้านบาท ค่าก่อสร้างงานโยธา 10,870 ล้านบาท ค่างานระบบไฟฟ้า 6,407 ล้านบาท รวม 21,197 ล้านบาท ยิ่งเพิ่มอำนวยความสะดวกสบายประชาชนในพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น รวมไปถึงส่งผลให้ราคาที่ดินในทำเลแนวรถไฟฟ้าปรับพุ่งสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 6% อย่างแน่นอน โดยเฉพาะทำเลถนนเพชรเกษม-อ้อมน้อย ทำให้สามารถเชื่อมต่อเข้าใจกลางเมืองได้สะดวก เนื่องจากเป็นย่านสำคัญที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรม ตลาดแรงงานขนาดใหญ่ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยตามมา อีกทั้งปัจจุบันยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ฯลฯ แต่ในส่วนตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้าไปพัฒนาในพื้นที่เพชรเกษม-อ้อมน้อย ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ

“จากผลสำรวจความต้องการของคนในพื้นที่เพชรเกษม-อ้อมน้อย โดยเฉพาะฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ทำให้เห็นถึงความจำเป็นและความต้องการมีจุดแลนด์มาร์ค แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ อีกทั้งภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ ได้ดำเนินธุรกิจในย่านอ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร มาหลายเจนเนอร์เรชัน บริษัทฯ จึงต้องการนำพื้นที่ของครอบครัวมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อคนในพื้นที่ ทำให้เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการก้าวเข้ามาปั้นโครงการรีเทลภายใต้ชื่อ “เดอะสเฟีย เพชรเกษม” บนคอนเซ็ปต์การออกแบบแนวไบโอฟิลิก (Biophilic) โดยมุ่งมั่นให้เป็นสถานที่อำนวยความสะดวก เพื่อสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ ผู้อาศัยและผู้ทำงานในรัศมี10 กิโลเมตรโดยรอบโครงการได้อย่างครบครัน ซึ่งโครงการได้เริ่มพัฒนาเฟสแรกบนที่ดินขนาด 18 ไร่ จากทั้งหมด 30 ไร่ ในส่วนที่ติดริมถนนเพชรเกษม บริเวณซอยเพชรเกษม 124-126 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ โดยโครงการมีขนาด 11,000 ตารางเมตร สามารถรองรับร้านค้าได้มากถึง 150 ร้าน มีการออกแบบจัดให้มีพื้นที่โซน Food:Non-Food  อยู่ที่ 70:30 รวมถึงยังมีพื้นที่จอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 550 คัน”

นางสาวอัญรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการเดอะสเฟีย เพชรเกษม ถือเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมดแตะพันล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลย่านเศรษฐกิจและมีศักยภาพ อีกทั้ง โครงการยังเป็นจุดเชื่อมต่อและเป็นเส้นทางผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายของนักท่องเที่ยวอีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าบริษัทฯ เพิ่งจะเริ่มมาดำเนินธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ครั้งแรก แต่ก็มีความมั่นใจในการลงทุนครั้งนี้  นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งด้วยการคัดเลือกผู้เช่าที่ทำให้โครงการมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ เช่น เชิญชวนร้านอาหารชื่อดังของจังหวัดเข้ามาเปิด  รวมถึงมีแผนดำเนินงานร่วมกับจังหวัด เพื่อพัฒนาโครงการให้เป็นจุดท่องเที่ยวของจังหวัดด้วย นอกจากนี้โครงการยังอยู่ในขั้นตอนการดีลกับแบรนด์ดังเพื่อมาเช่าพื้นที่ของโครงการ ซึ่งมั่นใจว่ามีแบรนด์ยอดนิยมหลายๆ แบรนด์ ที่ให้ความสนใจมาร่วม อาทิ ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร แบรนด์ดัง เป็นต้น

สำหรับความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการเดอะสเฟีย เพชรเกษม ล่าสุดมีการวางรากฐานและตัวอาคาร รวมถึงงานเสาเข็มเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตอนนี้คืบหน้าไปแล้วกว่า 30% และคาดว่าจะแล้วเสร็จทันในช่วงปลายปี 2566 นี้ เพื่อทำการส่งมอบพื้นที่ให้กับร้านค้าผู้เช่าสำหรับเข้าตกแต่งได้ในช่วงต้นปีหน้า และพร้อมเปิดให้บริการกับลูกค้าที่อาศัย และสัญจรบนเส้นถนนเพชรเกษมที่เชื่อมระหว่าง 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม และสมุทรสาคร และจังหวัดใกล้เคียง ในช่วงกลางปี 2567 นี้

ทั้งนี้โดยภาพรวมบริษัทฯ นางสาวอัญรินทร์ ชลสายพันธ์ คาดการณ์ว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ในช่วงแรกวันธรรมดาจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 3,000 คนต่อวัน และในส่วนของวันเสาร์ – อาทิตย์ ประมาณ 5,000 คนต่อวัน โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งอนาคตหากได้รับผลตอบรับที่ดี บริษัทฯ ก็พร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการในเฟส 2 ต่อเนื่อง โดยจะใช้ที่ดินส่วนต่ออีก 12 ไร่ ซึ่งอาจวางแผนให้มีร้านค้าตลาดขายของสดเพื่อให้เป็นแหล่งรวมร้านค้า และบริการครบจบในที่เดียว

Related Articles