คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ติดตามการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ติดตามการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ทั้งในสภาวะปกติและช่วงภัยแล้ง

วันที่ 6 สิงหาคม 2563 เวลา 10.30 น. นายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เดินทางไปที่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต กับ พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา พร้อมกรรมาธิการ ประชุมร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้บริหารการประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ทั้งในสภาวะปกติและช่วงภัยแล้ง

นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงภาพรวมของการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดภูเก็ต โดยระบุว่าที่ผ่านมาความจุน้ำของอ่างเก็บน้ำที่มีในจังหวัดลดลง จังหวัดประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง และการขยายตัวของนักท่องเที่ยวทำให้ความต้องการใช้น้ำสูงขึ้น หรือในบางพื้นที่ที่อยู่นอกเขตให้บริการของ กปภ. อาจมีปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำ

ด้านผู้แทน กปภ.สาขาภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีแหล่งน้ำดิบจำนวน 10 แห่ง ซึ่งการผลิตน้ำได้ร่วมมือกับภาคเอกชนในการผลิตรวมกำลังผลิต 148,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยในปี 2563 ประชาชนต้องการใช้น้ำ 115,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน อย่างไรก็ตาม จังหวัดได้จัดทำโครงการเพื่อแก้ปัญหาน้ำ 7 โครงการ อาทิ โครงการบำบัดน้ำเสียมาผลิตเป็นน้ำประปา โครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ โครงการปรับปรุงขยายการประปาฯ สาขาพังงา ภูเก็ต

ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมาธิการ ได้ตั้งข้อสังเกตและให้ข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนว่า น้ำ คือชีวิตของประชาชน ที่ต้องใช้ทั้งภาคการเกษตร และเพื่อการอุปโภคบริโภค หากจังหวัดคาดการณ์ปริมาณการใช้น้ำของประชาชนว่าในปี 2675 จะมีความต้องการใช้น้ำสูงถึง 112 ล้านคิว จำเป็นต้องวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้ดี

นอกจากนี้ ผู้แทน กปภ.สาขาภูเก็ต ยังได้กล่าวถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการควบคุมระบบผลิตน้ำ ผ่านระบบ SCADA การบริการประชาชนด้วยการขอติดตั้งน้ำประปาผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน การชำระค่าน้ำออนไลน์ ขณะเดียวกันที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค สาขาพังงา-ภูเก็ต ซึ่งจากเดิมจะนำน้ำดิบจากคลองพังงามาผลิตที่จังหวัดภูเก็ต เปลี่ยนเป็นผลิตที่จังหวัดพังงาเลย เพื่อให้ประชาชนชาวพังงาที่อยู่ตลอดระยะการขนส่งได้ประโยชน์จากน้ำในจังหวัดตนเองด้วย